วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กฎของเมล็ดพันธุ์ (The Apple Tree )





กฎของเมล็ดพันธุ์ (The Apple Tree )

Take a good look at an apple tree.
มองดูต้นแอ๊บเปิ้ลต้นหนึ่งให้ดี

There might be five hundred apples on the tree, each with ten seeds. That’s a lot of seeds!
มันอาจจะมีผลแอ๊บเปิ้ลอยู่ 500 ผล แต่ละผล มีเมล็ดพันธุ์อยู่ 10 เมล็ด มันจึงเมล็ดพันธุ์จำนวนมากมาย

We might ask, “Why would you need so many seeds to grow just a few more trees?”
เราอาจจะถามว่า “ทำไมคุณถึงต้องใช้เมล็ดพันธุ์มากมายเพื่อที่จะปลูกต้นแอ๊บเปิ้ลเพียงไม่กี่ต้น

Nature has something to teach us here. It’s telling us: “Most seeds never grow.
ธรรมชาติมักจะบอกอะไรเราบางอย่าง.. มันกำลังบอกเราว่า “มีเมล็ดพันธุ์จำนวนมาก ไม่ได้เจริญงอกงาม”

So if you really want to make something happen, you had better try more than once.”
ฉะนั้น ถ้าคุณปรารถนาจะให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น คุณน่าจะลองทำสิ่งนั้นมากกว่าแค่ 1 ครั้ง

This might mean: นี่อาจจะหมายถึง
You’ll attend twenty interviews to get one job.
คุณอาจจะต้องสอบสัมภาษณ์ถึง 20 ครั้งเพื่อจะให้ได้งานสักงานหนึ่ง

You’ll interview forty people to find one good employee.
คุณอาจจะต้องสัมภาษณ์คน 40 คนเพื่อที่จะได้ลูกจ้างดี ๆ สักคน

You’ll talk to fifty people to sell one house, car, vacuum cleanner, insurance policy, idea......
คุณอาจจะต้องพูดกับคน 50 คนเพื่อจะได้ขายบ้านหนึ่งหลัง, รถยนต์, เครื่องดูดฝุ่น, กรมธรรม์ประกัน หรือไอเดีย

And you might meet a hundred acquaintances to find one special friend.
และคุณอาจจะได้พบปะคนเป็นร้อยเป็นร้อยเพื่อที่จะเจอเพื่อนดี ๆ สักคน

When we understand the “Law of the Seed”, we don’t! get so disappointed.
เมื่อเราเข้าใจ "กฎของเมล็ดพันธุ์" เราก็จะไม่ต้องมาคอยผิดหวัง

We stop feeling like victims. Laws of nature are not things to take personally. We just need to understand them - and work with them.
เราจะไม่รู้สึกว่าเราเป็นเหยื่อ กฎของธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาใช้ได้เองตรงๆ เราเพียงแค่ต้อง เข้าใจและลองค่อย ๆ ปฏิบัติดู

IN A NUTSHELL สั้น ๆ ง่าย ๆ ก็คือ
Successful people fail more often. They plant more seeds.
ผู้คนที่ประสบความสำเร็จก็ล้มเหลวได้บ่อย แต่พวกเค้าก็ใช้เมล็ดพันธุ์มากกว่า (ถึงจะประสบความสำเร็จ)

When Things Are Beyond Your Control here’s a recipe for permanent misery….......
เวลาอะไร ๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด… สูตรสำเร็จของคนที่ไร้ซึ่งความสุขก็คือ
a) Decide how you think the world SHOULD be.
1) ตัดสินว่า โลกมันควรจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้
b) Make rules for how everyone SHOULD behave.
2) ตั้งกฎเกณฑ์ว่าผู้คนควรจะทำตัวยังไง

Then, when the world doesn’t obey your rules, get angry! That’s what miserable people do!
และ.. เมื่ออะไร ๆ ไม่เป็นไปตามกฎของคุณ… ก็โกรธซะ !! นั่นแหละ คือสิ่งที่คนไร้ความสุขเค้าทำกัน

Let’s say you expect that: เอาเป็นว่า ถ้าคุณคาดหวังว่า
Friends SHOULD return favours. เพื่อน ควรจะตอบแทนอะไรคุณบ้าง
People SHOULD appreciate you. ผู้คนควรจะชื่นชมคุณ
Planes SHOULD arrive on time. เครื่องบิน น่าจะลงตรงเวลา
Everyone SHOULD be honest. ทุก ๆ คนควรจะซื่อสัตย์
Your husband SHOULD remember your birthday. สามี (แฟน) ควรจะจำวันเกิดคุณได้

These expectations may sound reasonable.
ความคิดพวกนี้ ฟังดูเหมือนมีเหตุผล

But often, these things won’t happen! So you end up frustrated and disappointed.
แต่บ่อยครั้ง สิ่งพวกนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้น และ มันก็จบลงที่.. คุณรู้สึกรำคาญใจและผิดหวัง

There’s a better strategy. Have less demands. Instead, have preferences!
มันมีหลักเกณฑ์ที่ดีกว่านี้ ลดความต้องการให้น้อยลง แล้วเปลี่ยนเป็นความชอบแทน

For things that are beyond your control, tell yourself:
สำหรับสิ่งต่าง ๆ ที่เกินคาด ก็บอกตัวเองว่า

”I WOULD PREFER AN “A”, BUT IF “B” HAPPENS, IT’S OK TOO!”
เราอยากจะให้เป็น เอ มากกว่า แต่ถ้าเป็น บี … ก็โอเค ได้เหมือนกัน

This is really a game that you play in your head. It is a shift in attitude, and it gives you more peace of mind ...
มันเป็นแค่เกมของความคิดในหัว คือเปลี่ยนอุดมการณ์ มันจะทำให้จิตใจคุณสุขสงบขึ้น

You prefer that people are polite ... but when they are rude,
it doesn’t ruin your day. You prefer sunshine ... but rain is ok!
คุณอยากให้ผู้คนสุภาพ แต่ถ้าเค้าเกิดหยาบคายขึ้นมา.. มันก็ไม่ได้บ่อนทำลายวันของคุณ
คุณอาจจะอยากให้ท้องฟ้าสดใส แต่ถ้าฝนเกิดตก.. ก็โอเค

To become happier, we either need to ถ้าอยากจะมีความสุขมากขึ้น เราก็เลือกที่
a) change the world, or เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ หรือ
b) change our thinking. It is easier to change our thinking! เปลี่ยนแปลงความ คิดเราเอง

เปลี่ยนความคิดของเราเอง ง่ายกว่านะ

IN A NUTSHELL สั้น ๆ ง่าย ๆ ก็คือ

It’s not what happens to you that determines your happiness.
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ ไม่ใช่สิ่งที่จะกำหนดความสุขของคุณ

It’s how you think about what happens to you.
แต่มันเป็นความคิดของคุณเองต่างหาก ความคิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ



ที่มา : Chitkhanty Loy *O*
เจ้าของบทความ : ไม่ทราบชื่อ

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เพชร


เพชรมีค่ามากกว่าถ่านหลายล้านเท่า
ทั้งๆที่เพชรเป็นธาตุคาร์บอนเหมือนกัน
ไม้ผ่านการอบการเผา ไม่นานก็กลายเป็นถ่าน
แต่เพชรผ่านความร้อน ไม่ต่ำกว่า 5,000 องศาฟาเรนไฮต์
ได้รับความกดดันมากกว่า 1 ล้านปอนด์ต่อตารางนิ้ว
ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน จนกระทั่งกลายเป็นเพชร
เพชรที่เป็นเครื่องประดับอันงดงาม
พร้อมๆกับเป็นของที่มีความแข็งมากที่สุดในโลก
ถ้าท่านกำลังได้รับความกดดันอยู่ จงอดทน จงอดทน
ถ้าท่านกำลังถูกเคี่ยวถูกสับอยู่ ให้คิดว่าเพียงแค่นี้
จะทำให้เป้าหมายเราสั่นคลอนได้หรือ ?
ถ้าสถานการณ์กำลังบีบคั้นท่าน แสดงว่าชัยชนะกำลังรออยู่ข้างหน้า
ถ้ายังถูกโหมกระหน่ำอีกให้รู้ตัวว่า
ท่านกำลังใกล้จะเป็นเพชรเต็มที่แล้ว….
ในสถานการณ์เช่นนี้…..หากหยุดคิดพิจารณาอย่างมีสติ
ย่อมจะเกิดปัญญาพบหนทางสว่างได้เสมอ
จงมุ่งมั่นอาจหาญสง่างาม เสมือนดั่งเพชร
แม้เพชรจะตกอยู่ในสภาวะทุกข์ยากลำบาก อ้างว้างและโดดเดี่ยว
แต่เพราะเพชรไม่เคยย่อท้อต่อสู้เรื่อยไป
ให้ถือว่าทุกอย่างเป็นบทเรียนและบทฝึกตัวเองเสมอ จนกาลเวลาผ่านไป
เพชรจึงภูมิใจในตัวของมันเอง และด้วยความอดทนถึงที่สุดนั่นเอง
เพชรจึงเป็นอัญมณีล้ำค่า ควรแก่การประดับมงกุฎของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่
จากอดีต… ปัจจุบัน….ตลอดไปในอนาคต

ที่มา:http://happyhappiness.monkiezgrove.com/category/%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%86/

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

25 วิธีมีความสุขกับสิ่งรอบตัว


ชีวิตเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง มีขึ้นมีลง หากอยากมีความสุข คุณต้องรู้จักซึมซับความรู้สึกอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นความโศกเศร้าหรือความโกรธที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งยอมรับในสิ่งที่คุณมี และสถานภาพที่คุณเป็น เพื่อจะได้มีความสุขกับชีวิตมากที่สุดที่จะทำได้ ถ้าคุณไม่รู้จักความทุกข์ แล้วคุณจะรู้จักความสุขได้อย่างไร คนเราไม่อาจมีความสุขได้ตลอดเวลา เราต้องไขว่คว้า แสวงหาและชื่นชมจึงจะได้มาซึ่งความสุข มีคนเคยกล่าวว่า “ความสุขหาได้ ความทุกข์ไม่ต้องหา...มาเอง” ดังนั้นเรามาลองดูวิธีการสร้างสุขกันดีกว่า

25 วิธีมีความสุขกับสิ่งรอบตัว เก็บมาฝากค่ะ เพราะอยากให้ทุกคนมีความสุข


1. คิดใหม่ใช้ชีวิตราวกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย คนที่ป่วยหนักใกล้ตาย จะไม่ปล่อยเวลาให้สายเกินไปอีกแล้ว จะท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง หรือติดต่อพบปะเพื่อนฝูง เราทุก คนก็ควรตระหนักว่าอาจไม่มี “พรุ่งนี้ ” ก็ได้



2. จดบันทึก เขียนเล่าเรื่องถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณทุกวัน การจดบันทึกช่วย แก้ปัญหาและขจัดเรื่องไม่ดีที่ รกสมองออกไปได้ด้วย

3. มองในแง่มุมอื่นบ้าง ลองคิดว่าคุณอยากให้คนอื่นจดจำคุณในด้านใดหรือหากวันหนึ่งต้องเล่า เรื่องชีวิตตนเองให้หลาน ๆ ฟังคุณจะเล่าอะไร แล้วคุณพลาดการนัดกับเพื่อน เพื่อไปดูหนัง ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อมองย้อนกลับไป

4. อย่าให้เรื่องเล็กน้อยกวนใจ ไม่คุ้มหรอกที่จะหัวเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง หากคนขับรถข้าง ๆ ไม่ยอมให้คุณเบียดเข้าเลน ก็ยิ้มและโบกมือให้เขาไปเลย

5. ทำงานยากให้เสร็จ ลงมือได้แล้ว อย่าผัดวันประกันพรุ่ง โอ้เอ้ไปก็มีแต่ทำให้ หนักใจเหนื่อยกาย ไหน ๆ งานนี้ก็ต้องทำโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง ก็น่าจะทำให้เสร็จ ๆ ไปเลย

6. เลิกทำตัวจำเจ ชีวิตคงน่าเบื่อหากทำอะไรซ้ำซากทุกวันทุกสัปดาห์ เราน่าจะมีเรื่องแปลก ใหม่มาทำให้หัวใจกระชุ่มกระช่วยบ้าง เปลี่ยนแปลงตัวเองด้านการแต่งกาย ทรงผม ทานอาหารรสชาดใหม่ ๆ

7. อย่าเปรียบตัวเองกับคนอื่น ใครจะมีสระว่ายน้ำ บ้านหลังใหญ่ๆ รถหรูคันใหม่ไม่ต้องสนใจ หากดูให้ดี ๆ คุณอาจพบว่าพวกเขาเหล่านั้นต้องทำงานสัปดาห์ละเจ็ดวัน ไม่มีเวลาเจอคนในบ้านหรือเพื่อนฝูงหรืออาจต้องผ่อนหนี้สินไปอีกหลายสิบปี


8. กำจัดข้าวของรกบ้าน เสื้อผ้า ของเล่น หนังสือเก่า ที่ไม่ใช้แล้ว ยกไปบริจาคเถิดได้บุญกุศล


9. รู้จักเอ่ยคำว่า “ ไม่ ” ไม่ต้องลงมือทำเองทุกเรื่องเพราะชีวิตคุณก็วุ่นวายพออยู่แล้ว

10. รดน้ำต้นรัก รักคู่ครองของคุณอย่างที่เขาเป็นที่คุณคิดว่าเขาเปลี่ยนไปนั้นเป็นความจริงหรื อท ุกอย่างเมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่งก็ต้องบำรุงรักษาเป็นของธรรมดา ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาก็เช่นกัน ต้องมีการดูแลใจใส่กันบ้าง

11. อย่าให้ความคุ้นเคยกลายเป็นไม่ไว้หน้า หากคุณให้เกียรติเพื่อน หรือผู้อื่น คู่ครอง และคนในครอบครัว คุณก็ควรได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน

12. มอบความรักให้คู่ครอง ครอบครัว และเพื่อน ๆ อย่าเขินที่จะบอกคนเหล่านี้ว่า คุณ “ รัก ”พวกเขาตรงไหน เมื่อ เขาทำอะไรดี ๆ ก็กล่าวคำชื่นชมบ้าง คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เคยทำร้ายใคร

13. อย่ารับปรับทุกข์ทุกเรื่อง หากปัญหาของเพื่อนเริ่มมีผลกระทบต่อตัวคุณก็ไม่ต้องฝืนทำตัวเป็นเสาหลักให้เขา พิ งอยู่เรื่อยไป ให้เพื่อนหัดแก้ปัญหาและก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง

14. ติดต่อเพื่อนเก่า ยังไม่สายเกินไปที่จะโทรศัพท์ ส่งอีเมล์ หรือเขียนจดหมายถึงเขา ส่ง SMS

15. บำรุงอารมณ์ด้วยสีเขียว ตัดดอกไม้สดจากสวน หรือตื่นแต่เช้าไปตลาดซื้อดอกไม้ที่สดใสนำมาใส่แจกัน

16. ไปทะเลกันดีกว่า ทิวทัศน์กว้างไกล สายลม เกลียวคลื่น สองเท้าเปลือยเปล่าย่ำบนผืนทราย และแสงแดดลูบไล้แผ่นหลัง ไม่มีอะไรทำให้จิตใจเริงรื่นชื่นบานได้ดีกว่านี้อีกแล้ว

17. สร้างสรรค์ผลงาน จะเป็นภาพเขียน เย็บปักถักร้อย อบขนม จัดสวน หรืออะไรก็ได้

18. สูดอากาศบริสุทธิ์ ออกไปข้างนอกหรือเปิดหน้าต่างกว้าง ๆ สูดหายใจให้เต็มปอด คุณจะรู้สึกว่าอากาศเสียถูกขับออกจากตัว

19. ออกไปเดินเล่น การออกกำลังกายเบา ๆ จะช่วยเติมชีวิตชีวาให้คุณทั้งร่างกายและจิตใจ

20. ดูหนังตลกและหัวเราะให้สบายใจ

21. ย้ายเครื่องเรือนและของแต่งบ้าน หรืออาจทาสีห้องและผนังใหม่ด้วย

22. รอคอยสิ่งดี ๆ เช่น วันหยุดพักร้อน ออกท่องราตรีกับเพื่อนฝูง ไปดูหนัง ฟังเพลง หาร้านอาหารอร่อย ๆ ที่ไม่เคยไป รอโทรศัพท์จากคนรู้ใจ

23. ชวนเพื่อน/ คนรู้จัก หรือใครก็ได้ มากินมื้อค่ำ จัดห้องโต๊ะอาหารที่บ้านให้แปลกไปจากเดิม เสริฟ์เครื่องดื่มค็อกเทล เปิดเพลงเสริมบรรยากาศ สนุกกับการเตรียมอาหาร ทุกคนจะปลาบปลื้มหากเห็นว่าคุณทุ่มสุดฝีมือแล้วค่ำ คืนนั้นก็จะครึกครื้น

24. ยิ้มไว้ ยิ้มเป็นโรคติดต่อ ไม่เชื่อลองยิ้มดูสิ

25. ทำให้คนอื่นมีความสุขบ้าง ทำเพื่อตัวเองมามากแล้วก็น่าจะทำเพื่อคนอื่นบ้าง อาสาช่วยงานกุศล บริจาค พากันไปท่องเที่ยวหาความสุข หรือช่วยทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คนอื่นมีความสุข

ข้อมูลจาก : http://www.global-report.net
ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/9428.html

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Today is gift



















































By: lebanon4ever

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อุปสรรคและความเข้มแข็ง




........หลังจากชายคนหนึ่งพบรังไหมของตัวอ่อนผีเสื้อ เขาเฝ้าจับตาความคืบหน้ามาตลอด....กระทั่งได้เห็นรอยปริขนาดเล็กปรากฏอยู่ที่ผิวภายนอก ....ชายคนนั้นจึงนั่งลง และเฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหวของตัวอ่อนผีเสื้ออยู่นานหลายชั่วโมง เขาเห็นมัน
พยายามดิ้นรนจะพ้นจากช่องเล็กๆ ของรังที่หุ้มอยู่ให้ได้ แต่เมื่อไม่สำเร็จ เจ้าตัวน้อยก็หยุดเคลื่อนไหวเหมือนจะยอมรับว่าไม่อาจขืนทำอะไรได้มากไป
กว่านั้น

.........เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะช่วยตัวอ่อนแล้ว... ชายคนนั้นจึง หยิบกรรไกรขึ้นมาตัดเปิดช่องรังจนกว้างพอที่ตัวอ่อนจะสามารถออกมาได้อย่างง่ายดาย ตัวอ่อนผีเสื้อน้อยจึงออกมาเผชิญโลกทั้งสภาพร่างกายบวมกลม ตรงข้ามกับปีกที่มีขนาดเล็กนิดเดียว!

.........แต่เขาก็เฝ้าจับตามองตัวอ่อนนั้นต่อไปด้วยความหวังว่า อีกไม่ช้า... ปีกของมันจะขยายใหญ่ขึ้น และแข็งแรงพอที่จะพยุงร่างกายมันได้เมื่อถึงเวลาอันควร แต่เมื่อเวลาผ่านไป... กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง! ผีเสื้อน้อยต้องเดินและคลานไปมาทั้งชีวิต ด้วยสภาพร่างกายบวมกลมและปีกแห้งเล็ก ที่ไม่เคยมีโอกาสจะบินได้ ภายใต้การดูแลอย่างอ่อนโยนของชายผู้หวังดี


..........สิ่งที่ชายคนนี้ไม่เคยเข้าใจก็คือ ธรรมชาติได้กำหนดมาแล้วว่า ตัวอ่อนจะออกไปเผชิญโลกได้ก็ต่อเมื่อ ของเหลวในร่างกายลดน้อยลงจนลำตัวมีขนาดสมดุลกับปีกเท่านั้น จึงจะสามารถลอดออกจากช่องว่างขนาดเล็กของรังได้สำเร็จ…... และถ้าตัวอ่อนได้ผ่านการดิ้นรนจนถึงเวลานั้นมันจึงจะเติบโต เป็นผีเสื้อที่พร้อมโบกบินจากรังได้อย่างอิสระโดยแท้

.........การมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องผ่านอุปสรรคใดๆ เลย จึงมีแต่จะทำให้เราพิการและไม่แข็งแรง การดิ้นรนฝ่าฟันอุปสรรคต่างหาก เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินชีวิต ซึ่งจะช่วยให้เรายืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะอย่างนั้น…....


จงภูมิใจกับการดิ้นรนในวันนี้เถอะ..... ถ้าคุณหวังจะไปให้ถึงวันดีๆ
ของชีวิตที่สามารถโบยบินได้อย่างอิสระเสรี